น้ำมันเบนซินและดีเซลเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้กันทั่วไปในรถยนต์ ทั้งสองชนิดมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพ การปล่อยมลพิษ และประสิทธิภาพของรถยนต์
ประสิทธิภาพ
โดยทั่วไปแล้ว เครื่องยนต์ดีเซลมีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เนื่องจากสามารถเผาไหม้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน
ตัวอย่างเช่น รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.5 ลิตร อาจประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารถยนต์เครื่องยนต์เบนซินขนาดเดียวกัน ประมาณ 20%
การปล่อยมลพิษ
เครื่องยนต์ดีเซลมักถูกมองว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ปล่อยมลพิษมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เนื่องจากมีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM) มากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบันได้พัฒนาไปมาก ส่งผลให้มีการปล่อยมลพิษลดลงอย่างมาก ตัวอย่างเช่น รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบันมักติดตั้งระบบควบคุมมลพิษที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ระบบ Selective Catalytic Reduction (SCR) ซึ่งสามารถลดการปล่อย NOx ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพ
เครื่องยนต์ดีเซลมีแรงบิดสูงกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เนื่องจากมีอัตราส่วนกำลังอัดที่สูงกว่า ส่งผลให้เครื่องยนต์ดีเซลสามารถเร่งความเร็วได้ดีกว่าเครื่องยนต์เบนซิน
ตัวอย่างเช่น รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.5 ลิตร อาจเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เร็วกว่ารถยนต์เครื่องยนต์เบนซินขนาดเดียวกัน ประมาณ 2 วินาที
สรุป
การเลือกระหว่างน้ำมันเบนซินและดีเซลขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น การใช้งาน งบประมาณ และสิ่งแวดล้อม
หากต้องการรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันและมีประสิทธิภาพ เครื่องยนต์ดีเซลเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม หากต้องการรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษน้อยที่สุด เครื่องยนต์เบนซินอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
รายละเอียดเพิ่มเติม
ประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สามารถวัดได้จากอัตราส่วนกำลังอัด (Compression Ratio) ซึ่งหมายถึง อัตราส่วนระหว่างปริมาตรของกระบอกสูบเมื่อลูกสูบอยู่ด้านล่างสุด (BDC) กับปริมาตรของกระบอกสูบเมื่อลูกสูบอยู่ด้านบนสุด (TDC)
เครื่องยนต์เบนซินโดยทั่วไปจะมีอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 10:1 ถึง 12:1 ในขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลจะมีอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 14:1 ถึง 20:1
อัตราส่วนกำลังอัดที่สูงขึ้นส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถเผาไหม้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
การปล่อยมลพิษ
การปล่อยมลพิษของเครื่องยนต์สามารถวัดได้จากปริมาณก๊าซไอเสียที่ปล่อยออกมา เครื่องยนต์ดีเซลมักถูกมองว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ปล่อยมลพิษมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เนื่องจากมีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM) มากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน
ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) เป็นก๊าซที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ และอาจเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง
ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM) เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่สามารถเข้าสู่ร่างกายและก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคทางเดินหายใจ
เทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบันได้พัฒนาไปมาก ส่งผลให้มีการปล่อยมลพิษลดลงอย่างมาก ตัวอย่างเช่น รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบันมักติดตั้งระบบควบคุมมลพิษที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ระบบ Selective Catalytic Reduction (SCR) ซึ่งสามารถลดการปล่อย NOx ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบ Selective Catalytic Reduction (SCR) เป็นระบบที่ฉีดสารละลายยูเรียเข้าไปในท่อไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซล สารละลายยูเรียจะเปลี่ยน NOx ให้เป็นก๊าซไนโตรเจนและไอน้ำ
ประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สามารถวัดได้จากแรงบิด (Torque) ซึ่งหมายถึง แรงที่กระทำต่อเพลาข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซลมีแรงบิดสูงกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เนื่องจากมีอัตราส่วนกำลังอัดที่สูงกว่า ส่งผลให้เครื่องยนต์ดีเซลสามารถเร่งความเร็วได้ดีกว่าเครื่องยนต์เบนซิน
แรงบิดที่สูงขึ้นส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถเร่งความเร็วได้ดีขึ้น เนื่องจากเครื่องยนต์สามารถผลิตแรงม้าได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มความเร็วรอบเครื่องยนต์